Lamborghini Huracun LP610-4 สานบทต่อรุ่นยอดจำหน่ายหลัก
ถึงแม้จะมีกำหนดการเปิดตัวในเดือนมีนาคม2014 ที่ งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ แต่ทว่าสำหรับข้อมูลของ ลัมบอร์กินี ฮูราคันนี้ได้ถูกเผยแพร่กันอย่างแพร่หลาย โหมโปรโมทล่วงหน้าก่อนงานเปิดตัว ไปอย่างมากมาย จนเหลือความน่าจับตาส่วนใหญ่ในการเปิดตัวที่งานเจนีวา จะอยู่ที่ประเด็นของราคาเท่านั้นว่าจะเปิดตัวออกมาในราคาเท่าไหร่ โดย Lamborghini Huracun LP610-4 จะพร้อมส่งถึงลูกค้าที่สั่งจองได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2014 ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ถูกวางตัวให้เป็นรถเพื่อการ มุ่งเน้นเป็นรุ่นตลาดมากกว่าการเป็นรุ่นพิเศษ โดยจะเน้นทำตลาดด้วยยอดจำหน่ายที่เน้นจำนวนผลิตหลายๆคันและจะถือได้ว่าเป็นการเข้ามารับบทบาทของแกนจำหน่ายหลัก ต่อจาก Lamborghini Gallardo ที่เคยทำหน้าที่บทบาทนี้มายาวนานนับสิบกว่าปี ซึ่งตลอดช่วงอายุการทำตลาด สามารถทำยอดผลิตจำหน่ายไปแล้วด้วยจำนวนถึง 14,022 คัน กระจัดกระจายทั่วโลก

และแน่นอนว่าการออกแบบสร้างสรรค์ Lamborghini Huracun นั้นย่อมต้องมีการวางแบบแผนอย่างเป็นพิเศษ เนื่องจากมีข้อกำหนดหลายเรื่องที่จะต้องหาความลงตัวทางการตลาด เข้ามาข้องเกี่ยว อีกทั้งยังต้องมีสิ่งที่ดึงดูดใจได้มากกว่าหรือไม่น้อยไปกว่า Gallardo อีกด้วย

โดยข้อมูลที่เผยแพร่ในเบื้องแรกขณะนี้ ลัมบอร์กินี ฮูราคัน ในรหัส LP610-4 ได้รับการออกแบบให้ยังคงมีเครื่องยนต์วางอยู่กลางลำ เหมือนเดิม และสร้างสรรค์ตัวถังด้วยหลักไฮบริด ที่มุ่งสู่ความต้องการตัวรถที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1.5 ตัน โดยมีการเน้นการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์กับอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา และท้ายที่สุดสามารถทำได้ที่ 1,422 กิโลกรัม รูปลักษณ์ถูกดีไซน์ ด้วยศิลปที่เน้นพลังแห่งความเรียบ และบรรจบความโค้งและเหลี่ยมมุมได้อย่างกลมกลืน เป็นทิศทางร่วมทั่วทั้งคัน นอกจากนี้ทางค่ายยังได้โปรโมทว่า ฮูราคันนับเป็นรถรุ่นแรกในระดับเดียวกัน ที่ใช้ไฟ LED แบบทั่วทั้งคันไม่ว่าไฟหน้าไฟท้าย และไฟในจุดอื่นๆทุกจุด เป็นรายแรกของโลก

การออกแบบห้องโดยสารมาในองค์ประกอบ ที่ใกล้ชิดกับการออกแบบในกระแสตลาดรถสปอร์ตทั่วไปมากขึ้น ซึ่งเป็นไอเดียที่สร้างความรู้สึกเข้าถึงได้กับกลุ่มลูกค้าผู้มีฐานะดีพอประมาณที่จะเอื้อมได้ เปิดตลาดได้ง่ายในหลายประเทศแม้เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และแม้ถึงขั้นไปตั้งโชว์รูมในประเทศนั้นๆ ซึ่งแตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายที่มักสร้างสรรค์มาในลักษณะอลังการ และเน้นลูกค้าวีไอพีระดับสูง อย่างไรก็ตามก็ยังมีส่วนผสมของดีไซน์สำหรับซุปเปอร์คาร์อยู่นิดหน่อย เพื่อบ่งบอกถึงความแตกต่างที่ไม่ธรรมดา มีการตกแต่งด้วยวัสดุหนังจาก Nappa และ Alcatara และจัดอ๊อปชั่นร่วมสมัยไว้อย่างอัดแน่น ทำงานผ่านหน้าจอแบบ TFTขนาด 12.3 นิ้ว



It’s going to be ending of mine day, but before finish I am reading this fantastic paragraph to
improve my experience.