ในโลกของสินค้า
การมียี่ห้อรุ่นของสินค้า ที่หลากหลาย ย่อมเป็นการเปิดทางเลือกเพิ่มขึ้นซึ่งมีแง่มุมที่ดีให้กับผู้ใช้สินค้า สามารถสร้างการแข่งขัน ทลายการผูกขาดตลาดที่ที่คอยเอื้อให้ผู้ผูกขาดทำการ ลดคุณภาพของสินค้าหรือกำหนดราคาที่สูงเกินจริงได้
แต่ในทางเดียวกัน แต่ละทางเลือกที่เกิดขึ้นนั้น ก็มีแง่มุมที่สร้างความเสี่ยงให้กับผู้ซื้อเช่นกัน ซึ่งควรต้องศึกษาพิจารณาหนทางเสริมความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณของการลงทุนสร้างฐานสำคัญต่างๆ รวมไปถึงคุณภาพของสินค้า

ค่ายMGคือค่ายที่เข้ามาบุกตลาดในไทยที่ยังถือว่าใหม่ต่อพื้นที่ และยังถูกมองว่าใหม่ ต่อการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่ก็ตาม
แต่ทว่า สินค้าในยุคใหม่นี้ เริ่มสร้างความโดดเด่นในด้านของเนื้องานและดีไซน์รวมทั้ง การจัดอ๊อปชั่นต่างๆให้กับรถได้อย่างน่าสนใจ
ทว่าในขณะที่การจัดสิ่งน่าสนใจต่างๆใส่ลงไปอย่างอัดแน่น นั้นเป็นวิถีที่แบรนด์เปิดตลาดพื้นที่ใหม่ มักจะพยายามทำกันอยู่แล้วเพื่อดึงกระแสแจ้งเกิด
ที่ผ่านมาในอดีตก็มีอยู่หลายรุ่น ที่เข้ามาทำตลาดในไทย โดยเฉพาะบางรายที่ไม่ประสบความสำเร็จและลอยแพผู้ที่ซื้อสินค้าไป
ซึ่งรถบางรุ่นที่เข้ามาในไทยนั้น ก็ไม่ใช่ทุกรุ่นที่จะสามารถบรรจุความน่าสนใจลงไปได้อย่างเต็มเปี่ยม
บางรุ่นนั้นอ๊อปชั่นไม่ได้จัดเต็มอะไรมากมาย หรือการทำราคาก็อาจจะไม่น่าสนใจเลยด้วยซ้ำ รวมถึงวัสดุงานประกอบและข้อโดดเด่นในการใช้งานรวมถึงประวัติความเป็นมาไม่ได้เข้าตาผู้ซื้อ แม้จะมีผู้ที่สนใจสิ่งแปลกใหม่ ต้องการมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างตามท้องถนน ที่ตัดสินใจช่วยอุดหนุนอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเมื่อยอดจำหน่ายไม่บูมได้ตามเป้า การขยับขยายพัฒนาองค์ประกอบพื้นฐานก็จึงไม่มีตามมา และเหลือไว้เพียงชื่อความทรงจำ ม้วนเสื่อเก็บออกไป
นอกจากนี้ยังมีบางรุ่นที่ยอดจำหน่ายพอไปได้ แต่กลับได้รับการละเลย จากแหล่งหลักในต่างประเทศ หรือจะด้วยการไม่ดึงดูดการขยายทุนก็ตาม ปล่อยให้ผู้ซื้อต้องประสบปัญหาขาดการสนับสนุนด้านการบำรุงดูแลรถ
สิ่งเหล่านี้เองคือประสบการณ์ของผู้ซื้อรถในเมืองไทยที่มีบทเรียน ให้ต้องคอยระแวงและระวัง รายใหม่ค่ายใดที่เข้ามาทำตลาดในไทย
อย่างไรก็ตามสำหรับค่ายMGนั้น ถือว่ามีความแตกต่างจาก พฤติการณ์ของรถรุ่นอื่นๆที่เคยสร้างประสบการณ์แง่ลบ ซึ่งการมาของMGดูจะมีแนวโน้มที่พอจะเห็นโอกาสแห่งอนาคตได้
ประการแรก นั่นก็คือด้วยรูปแบบของดีไซน์ที่ผนวกเข้ากับงานคุณภาพของตัวรถ โดยที่ ระดับของการพบเรื่องร้องเรียนปัญหาของตัวรถ ในระยะการทำตลาดช่วงต้นนั้นถือว่าอยู่ในเกณท์ที่สอบผ่าน ด้านคุณภาพเบื้องต้นของสินค้า

และนั่นทำให้จุดแข็งในด้านดีไซน์ของรถ กลายเป็นสิ่งที่สามารถขยายความน่าสนใจได้ต่อ
โดยพลังของดีไซน์รถนั้นเป็นอนุภาพที่สามารถก้าวเข้าสู่ความโดดเด่นในตลาดได้อย่างทรงพลัง
ซึ่งแนวโน้มในลักษณะนี้ ถือว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับซูซูกิสวิฟ และฟอดร์เรนเจอร์ ที่หนุนเนื่องให้ต้นสังกัดต้องเพิ่มขยายการซัพพอทร์ให้กับรถรุ่นที่ประสบความสำเร็จ กันอย่างจริงจัง ขยับขยายความพร้อมในการเซอร์วิส ปิดช่องโหว่ในเรื่องของ ความชำนาญเข้าใจในตัวรถของช่าง และเพิ่มปริมาณอะไหล่รวมถึงมาตรฐานการจัดการ ให้กับรถรุ่นดังโดยเฉพาะ
ซึ่งMGนั้นถือว่ามีดีไซน์และคุณภาพของรถ มีโอกาสที่มีแนวโน้มของพื้นฐานที่ดีอันได้ลุ้นไปสู่จุดดังกล่าว โดยเฉพาะในแง่ของการสบประมาทในตัวแบรนด์ จากบรรดาแฟนคลับหรือเซลจากค่ายแบรนด์เจ้าถิ่น ที่ทั้งซูซูกิและฟอดร์นั้นก็สามารถฝ่าฟันไปได้เช่นกัน

โดยภาวะ ณ.ปัจจุุบัน ค่ายMGนั้นเปิดตัวในไทยอย่างท้าทายคำครหา ซึ่งมีจุดอ่อนให้คู่แข่งเคลมได้ว่า เป็นผู้มาใหม่ที่ยังไร้การสะสมวันเวลาพิสูจน์ตัวมากพอ อีกทั้งศูนย์บริการที่ยังไม่แพร่หลาย และอนาคตที่จะยืนระยะทำตลาดโดยไม่ทอดทิ้งลอยแพผู้ซื้อ นั้นยังเป็นเรื่องที่ เซลคู่แข่งได้ยกมาอ้างอยู่เสมอ ให้ผู้ซื้อต้องรู้สึกถึงการวัดใจ อย่างไรก็ตาม ความเป็นมาของ ค่ายMG จนถึงปัจจุบันนั้นมีรายละเอียดแง่มุมต่างๆ ที่ง่ายต่อการบิดเบือนให้ดูไม่น่าเชื่อมั่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำครหาว่าเป็นรถจีนบ้าง หรือเป็นรถที่เจ้าของเก่าเจ๊งแล้วขายต่อบ้าง
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว MG หรือ Morris Garage นั้นมีประวัติมานานพอมาแต่อดีต ซึ่งเป็นค่ายรถที่นับว่ามีชื่อเสียงในระดับที่โลดแล่นในวงการยานยนต์คุณภาพคร่ำหวอด ซึ่งได้ขายต่อให้กับ British Leyland ซึ่งได้นำMG เข้าสู่สังกัดร่วมกับ Land Rover ,Rover,Jaguar ซึ่งต่อมาได้กลายสภาพเป็น Rover Group ก่อนที่จะเกิดเหตการณ์ การซื้อเหมาล๊อตใหญ่จากค่ายBMW ซึ่งเหตการณ์ จัดซื้อในครั้งนั้น จัดเป็นสตอรี่ที่น่าสนใจในโลกยานยนต์เลยทีเดียว

เนื่องด้วย ความต้องการสร้างผลงานจากผู้จัดซื้อ ที่อยากตอบสนองbmwที่มีความอยากได้ Land Rover ,Rover,Jaguar มาไว้ในมือ แต่ผู้ขายนั้นขายยกล๊อต ซึ่งผู้ซื้อเองก็ดันไปซื้อมากมายเกินกำลัง
นั้นสร้างปัญหาทำเอาBMWถึงกับสั่นคลอนแทบล้ม ท้ายที่สุดได้แก้ไขปัญหา ด้านกำลังซื้อที่เกินตัวนี้ ด้วยการหาทางระบาย MGออก
ซึ่งประจวบเข้ากับในยุคที่ประเทศจีนกำลังทรงอิทธิพลทั้งในด้านเศรษฐกิจและกำลังการผลิต
ที่ในปัจจุบันกลายเป็นฐานผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำสารพัดวงการ ก็ไม่รอช้าที่จะซื้อแบรนด์ ที่มีภาพลักษณ์ชื่อเสียงอย่างยาวนานอย่างMGเอาไว้
โดยบริษัทในจีนถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง และดำเนินรูปแบบในแบบOwner + Policy ซึ่งเป็นผู้เน้นบทบาทในด้านการให้เม็ดเงินทุน แต่ยังคงให้ฐานการดำเนินการชุดเก่าในอังกฤษมีส่วนร่วมในการรันระบบเช่นเดิม ทั้งนโยบายเดิม คอนเซปต์และเทคโนโลยีตามแบบแผนเดิม และคงไว้ซึ่งฐานการผลิตที่ยังมีในประเทศอังกฤษ
และสิ่งที่บ่งชี้ออกมาได้ดีถึงประเด็นการกำกับดูแลนั่นก็ คือ
MGที่ทำตลาดในไทยนั้น สามารถสัมผัสได้ถึงคุณภาพทั้งในด้านดีไซน์และวัสดุต่างๆของตัวรถ ที่ยังเปี่ยมเนื้องานในสไตล์ยุโรปไว้เป็นอย่างดี

ไม่ได้มี รูปแบบของสไตล์สินค้าจีน ในยุคอดีตภาพลบอย่างที่เคยเป็นมาหรือ อย่างที่ถูกครหา
ซึ่งบทพิสูจน์แรกนี้ ยืนยันในความมีส่วนร่วมหลักของ มาตรฐานการผลิตของMG
และยังมีประเด็นของโลกเทคโนโลยีการผลิตในจีนที่ปัจจุบันมีความพัฒนา ขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในยุคที่แบรนด์สินค้าประเภทต่างๆ ที่เป็นแบรนด์ดังของโลก ยังพากันต้องอาศัยฐานการผลิตที่จีน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้จะฝ่าข้อครหาเรื่องการควบคุมดูแลการผลิตไปได้หรือไม่ ก็ยังมีข้อโจมตีในเรื่องของศูนย์บริการ และการเซอร์วิสดูแลต่างๆไปจนถึงเรื่องของอะไหล่ในระยะยาว
แต่ในประเด็นนี้ล้วนเป็นเรื่องที่รถแบรนด์ต่างประเทศ ชั้นนำมากมายหลายแบรนด์ ล้วนมักถูกเซลของแบรนด์เจ้าตลาดในไทย ที่มีไม่กี่เจ้านั้นใช้เป็นข้อโจมตีแบรนด์อื่นๆมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดูแปลกๆพอสมควร หากตามท้องถนนจะต้องมีรถในแบรนด์เจ้าตลาดกันหมด เพราะยึดเอาเรื่องศูนย์บริการและอะไหล่แต่เพียงเท่านั้น

ในขณะที่เรายังคงเห็นรถนำเข้า และรถยี่ห้อต่างๆที่ไม่มีฐานบริการในเมืองไทยแพร่หลายนัก
วิ่งกันอยู่เยอะแยะตามท้องถนน นั่นบ่งบอกถึงความสมัครใจที่จะยอมรับระบบการจัดการ ที่ต้องพึ่งการขวนขวายด้วยตัวเองเข้าเสริม ซึ่งไม่จำกัดเพียงรถแบรนด์ที่ชื่อไม่คุ้นหูเท่านั้น
แม้แต่แบรนด์ระดับรองๆในท้องตลาด อย่างเช่นนิสสัน เชฟโรเล็ต ฟอดร์ มาสด้า ก็ยังไม่วายที่จะถูกเซลของแบรนด์เจ้าตลาดใช้ประเด็นนี้เข้าโจมตี
ดังนั้นอาจก่อเกิดคำถามว่า ถ้าผู้ซื้อยังกล้าที่จะซื้อแบรนด์ต่างประเทศต่างๆที่ไม่ใช่เจ้าตลาด แล้วเหตใดจะไม่กล้าลองMG ตราบที่เรายังเห็นรถรูปลักษณ์สวยๆเก๋ๆ แบรนด์ที่หาดูได้ไม่แพร่หลายในไทย นั้นยังคงมีวิ่งอยู่เยอะแยะตามท้องถนนเมืองไทย นั่นหมายถึงว่ายังคงมีฐานลูกค้าที่มีแนวทางเลือกของตนเองอยู่เยอะพอสมควร
ดังนั้นมีประการสำคัญหนึ่งเท่านั้นที่ลูกค้าให้ความใส่ใจนั่นก็คือ แบรนด์นั้นๆในรถรุ่นนั้นๆจะต้องไม่มีปัญหาที่ร้ายแรงมากเกินไป ถ้าอยู่ในเกณท์ที่รับได้ ก็ย่อมยังคงมีความน่าสนใจ

ส่วนปัจจัยสนับสนุนความน่าเชื่อถือขึ้นมาบ้าง ในประการต่อมาที่สร้างข้อแตกต่างไปจากแบรนด์รุกตลาดหลายแบรนด์ที่เคยมีมานั่นก็คือ การร่วมลงทุนโดยเจ้าสัวCP
ที่มามีบทบาทและลุยโปรโมทเอง ซึ่งแม้ว่ารถตัวแรกที่นำเข้ามา จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรอันเนื่องมาจากการใช้กลยุทธ์ในการตั้งราคาที่ ยังยกเกรดของภาพลักษณ์MGอังกฤษเดิมไว้สูงเกิน ซึ่งไม่สอดคล้องกับ ทัศนคติของลูกค้าชาวไทยที่มีมุมมองต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของMG และทัศนคติที่มีต่อสินค้าจีน
แต่ในรถกลุ่มที่วางขายในปัจจุบัน มาพร้อมแผนการทำราคาที่หว่าน ความดึงดูดสู่การแจ้งเกิดอย่างมีแบบแผน
พร้อมทั้งมีการเสริมฐานการผลิตในไทย รวมถึงการให้ข่าวถึงแบบแผนการพัฒนาในด้านต่างๆที่จะซัพพอทผู้ใช้
แต่ทว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้มีการพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ และผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริงได้นั่นขึ้นอยู่กับ เกณท์ของยอดขาย ที่ต้องส่อแนวโน้มถึงอนาคตที่สดใสเท่านั้น ที่จะตอบโจทย์ผู้ลงทุนขยับขยายต่อไป
ซึ่งมองได้ว่าอย่างน้อย MGในไทยนั้นมีกำลังความพร้อมที่จะเพิ่มการลงทุน รอไว้อยู่แล้ว และมีนายทุนใหญ่ภายในประเทศที่มอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด แตกต่างไปจากภาวะของแบรนด์บุกเบิกตลาดทั่วไป เหลือเพียงแต่กระแสยอดขายของรถเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบของการก้าวต่อไปของแบรนด์นี้
และนี่เองคือสิ่งที่ผู้ที่กำลังให้ความสนใจอยากลองแบรนด์นี้ ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการวิเคราะส่วนสำคัญนี้ให้ดีว่า รถจากค่ายMGในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะสดใสหรือไม่
พิจารณาดีไซน์รูปลักษณ์ คุณภาพงานประกอบและเกรดวัสดุ พิจารณาอ๊อปชั่น และเทคโนโลยีต่างๆทั้งในด้านของความร่วมสมัยเท่าทันคู่แข่งและในด้านของเทคโนโลยีหรือฟังคชั่นที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ที่มีให้ใช้อยู่แต่ในแบรนด์นี้ และพิจารณาในเรื่องของราคา และความมั่นใจของผู้ซื้อ ทัศนคติของกระแสตลาด
