การพัฒนาไปอีกขั้นของ Isuzu D-Max รุ่นใหม่ที่ออกมาขยับรับมือกับคู่แข่งที่ออกเจนเนอร์เรชั่นใหม่ นั้นถือว่าไม่ใช่เพียงการพัฒนาด้วยการจัดใส่องค์ประกอบต่างๆให้เทียบชั้นพิกัดกับคู่แข่ง
แต่เปิดตัวด้วย ทางเลือกรูปแบบใหม่ให้กับวงการรถกระบะในเมืองไทยได้อย่างน่าสนใจ ด้วยทางเลือกเครื่องยนต์ขนาดที่เล็กลงแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพเกินขนาด
ในขณะที่โตโยต้ายังคงขยับไปตามแนวทางอาศัยจุดแข็งทางภาพลักษณ์แบรนด์
ซึ่งทำให้รันระบบลักษณะเดิมไปได้เรื่อยๆ ในแนวทางที่โฟกัสในด้าน ปรับปรุงและเสริมองค์ประกอบต่างๆไปตามรูปฟอมร์ที่ยึดเป็นแนวทางเสมอมา
ในด้านรูปลักษณ์ภายนอก

เป็นสิ่งที่พิจารณาตามความชอบของแต่ละบุคคล ตามแต่จะเลือก
นอกจากการปรับเสกลของขนาดตัวถังแล้ว ทั้ง Isuzu D-Max และ toyota revo มาด้วยดีไซน์ที่ยังอิงกับส่วนผสมส่วนใหญ่ของรูปลักษณ์สไตล์นิยมแบบเดิมๆอยู่ ซึ่งอาจยังคงเป็นการเน้นที่เอกลักษณ์ และให้น้ำหนักไปที่ ฐานแฟนคลับ ที่เคยชื่นชอบในเรือนร่างลักษณะมาแต่รุ่นก่อนๆ ซึ่งมาพร้อมกับการแต่งหน้าทาปากด้วยเครื่องประดับใหม่ๆ ปรับบิดทรวดทรงบางจุดให้มีเส้นสายใหม่ๆเพิ่มเติมขึ้นบ้าง

โดย toyota revo ปรับหุ่นให้มีความราบเรียบมากขึ้น เสริมอารมณ์ ต้นฉบับของวิถี
ปิคอัพ รสดั้งเดิม ที่ลดการมุ่งปรุงแต่งทางทรวดทรง แต่ใช้ลายเส้นสายเป็นสิ่งเติมอรรถรสให้ดูทันสมัย หาความสมดลุย์ระหว่างความเรียบสวยและความดูแกร่งผสานกัน แต่ถือเป็นการกล้าเสี่ยง
ระหว่างผู้พบเห็นที่จะประทับใจในคาแรคเตอร์ที่ยืนหยัดชัดเจน ชอบดีไซน์ที่มีส่วนผสมแบบอรรถรสแท้ๆดั้งเดิม ชอบความเรียบสวย กับ ผู้เห็นต่างที่มองเป็นเรื่องเบื่อและไม่แปลกใหม่


ในขณะที่ Isuzu D-Max ยังคงไปต่อในแนวทางของ กระบะสไตล์ผสานจุดโค้งมน และดูแน่นเนื้อหา เสริมจุดอวบเพิ่มความบึกบึน ที่ร่วมวิถีนิยมที่แพร่หลายมากขึ้น ในช่วงที่ หลายค่ายกำลังเน้นไปในแนวทางเช่นนี้ ซึ่งดีไซน์ลักษณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะกระแสจากฟอดร์เรนเจอร์ ซึ่งอาจทำให้ดีไซน์ลักษณะนี้ แม้จะได้รับความนิยมแต่ต้องเผชิญกับ การยากในการจะให้โดดเด่นสะดุดตา ฉีกแนวเหนือไปกว่าค่ายอื่นๆ ที่ร่วมวิถีนิยมแบบเดียวกัน
ห้องโดยสารภายใน


การดีไซน์องค์ประกอบของห้องโดยสารภายใน toyota revo สร้างความหลากหลายของสัดส่วนรูปทรงและเส้นสายต่างๆได้อย่างมีชั้นเชิง ผสานจุดเพรียวเรียวสวย ได้อย่างลงตัว ความละเอียดของเนื้องานและการจัดธีมสีทำออกมาได้ดี
ในขณะที่all new Isuzu D-Max มาในองค์ประกอบแบบรูปทรงเหลี่ยมมุมแบบตรงๆ ดูเรียบง่าย
รวมไปถึงการออกแบบตำแหน่งต่างๆเป็นไปในแบบเบสิคสไตล์
ในด้านความกว้างขวางปลอดโปร่งนั้นถือว่าไม่หนีกันมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลที่มององค์ประกอบและดีไซน์ลักษณะใดบ้างแล้วรู้สึกอึดอัด
และอันที่จริงแล้วทั้งสองรุ่นนี้ ไม่ได้มีความโดดเด่นเรื่องความกว้างขวางของห้องโดยสารเป็นจุดขายแต่อย่างใด
ด้านสมรรถนะ
แม้ว่าทั้งคู่จะมีรุ่นหลายทางเลือกเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นไปตามระดับราคาและเสป๊คขนาดของเครื่องยนต์ แต่ทว่าจุดน่าสนใจในการเปรียบเทียบนั้นมาอยู่ที่
toyota revo 2.4 vs all new Isuzu D-Max 1.9 เนื่องด้วย เครื่องยนต์ Isuzu D-Max 1.9 มีความน่าสนใจและส่งผลต่อรูปแบบใหม่ในวงการรถกระบะ
เครื่องยนต์ขนาด 1.9 นั้นเป็นกุญแจสำคัญ ที่ท้าทายในการทำตลาดรถ เพราะโดยทั่วไปของผู้ใช้รถกระบะ มักต้องการเครื่องที่แรงและมีกำลังสูง การจะใช้งานรถกระบะที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาให้นั้น เป็นเรื่องที่อาจไม่สร้างความน่าเชื่อมั่นให้ผู้ใช้
แต่ทว่า เครื่องยนต์ Blue power ใหม่ที่อีซูสุได้นำมาใช้ในรถรุ่นใหม่นี้ สามารถลดขนาดเครื่องยนต์ลงได้โดยที่ให้กำลังแรงม้าได้ในระดับ ที่ใกล้เคียงกับเครื่อง 2.4 แบบเดิมเลยทีเดียว
ด้วยการอาศัยปัจจัยทางฟิสิกส์เข้ามาช่วยทดแทนขนาดของเครื่องยนต์ จนส่งผลให้ความสามารถโดยรวมนั้นให้พละกำลังออกมาได้ที่ต้องการ

และนั่นย่อมส่งผลถึง ข้อดีในเรื่องการเสียภาษีที่ถูกกว่า และการประหยัดน้ำมัน
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ toyota revo 2.4 นั้นมีข้อน่าเชื่อมั่น ที่หลายคนมองอยู่ว่าด้วยความที่เป็นเครื่องใหญ่กว่าโดยธรรมชาติ ความทนทานดูน่าเชื่อถือได้มากขึ้น
ในขณะที่ D-Max 1.9 นั้นอาจจะยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์ผลข้างเคียง ซึ่งก็มีแรงมั่นใจจากฐานแฟนคลับของอีซูสุอยู่เช่นกันว่า อีซูสุน่าจะมั่นใจสูงตรวจสอบมาอย่างดีและไม่ทำให้เสียชื่อต่อคู่แข่ง
รวมถึงความคร่ำหวอดเชี่ยวชาญในวงการเครื่องยนต์ อีกทั้งสำนักแต่งซิ่งมากมายที่ให้ความนิยม
ส่วนในด้านการประหยัดน้ำมันนั้น ทาง toyota revo 2.4ก็ถือว่าอยู่ในเกณท์ดีเช่นกัน และยิ่งดูดีขึ้นเมื่อประหยัดได้ในขณะที่ได้ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นรถกระบะ2.4 ที่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมคันนึงในพิกัด2.4เลยทีเดียว แต่จะให้ประหยัดแค่ไหน เครื่อง1.9ย่อมจะได้เปรียบในขนาดที่เล็กกว่า เว้นแต่เครื่อง1.9 จะนำไปบรรทุกอัตราหนัก จนสร้างภาระแรงฉุดอย่างมาก นั่นก็ย่อมได้ผลของการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ไม่ต่างไปมากจากเครื่องใหญ่
นอกจากนี้ในเรื่องของการทดเกียร์ toyota revo 2.4 จะได้แรงต้นที่ดี ในขณะที่ D-Max 1.9 นั้นจะต้องอาศัยการรอระยะการส่งกำลัง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผู้ใช้งานรถลักษณะใหม่นี้ต้องใช้การปรับตัวทำความเข้าใจในจังหวะ ซึ่งเมื่อได้จังหวะที่ต้องการแล้ว D-Max 1.9 ก็ให้การเร่งไหลที่สมรรถนะแบบเครื่อง2.4ได้ และยังมีความเร็วในแรงปลายที่โดดเด่น มีรูปแบบการลากเกียร์ที่ดึงได้ไกลได้ยาวลึก
แต่ในด้านของ toyota revo ก็มีประเด็นของเรื่องช่วงล่างที่เสียงผู้ใช้หรือทดลองขับนั้นให้ความชื่นชอบอยู่เช่นกัน
